บริษัท ลีซ อิท จำกัด (มหาชน)

Language
TH

นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)

บริษัท ลิซ อิท จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย (“บริษัท”) มีความมุ่งมั่นและให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ที่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของบริษัท บริษัทจึงได้จัดทำนโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy) (“นโยบาย”) เพื่อระบุถึงวิธีการและมาตรการของบริษัท ในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (“การประมวลผล”) โดยที่บริษัทจะดำเนินการตามนโยบายนี้ พร้อมทั้งปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงจัดทำเอกสาร และทบทวนมาตรการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีประสิทธิภาพและเหมาะสม

ข้อ 1.     คำนิยาม 

1.1    “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อม เช่น ชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ เลขประจำตัวประชาชน เลขหนังสือเดินทาง เลขบัตรประกันสังคม เลขใบอนุญาตขับขี่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษี เลขบัญชีธนาคาร เลขบัตรเครดิต ที่อยู่อีเมล ทะเบียนรถยนต์ โฉนดที่ดิน IP Address, Cookie ID ข้อมูลเสียงเป็นต้น อย่างไรก็ดี ข้อมูลต่อไปนี้ ไม่เป็นข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ข้อมูลของ ผู้ถึงแก่กรรม ข้อมูลของนิติบุคคล ข้อมูลสำหรับการติดต่อทางธุรกิจที่ไม่ได้ระบุถึงตัวบุคคล ชื่อบริษัท ที่อยู่ของบริษัท เลขทะเบียนนิติบุคคลของบริษัท หมายเลขโทรศัพท์ของที่ทำงาน ที่อยู่อีเมลที่ใช้ในการทำงาน ที่อยู่อีเมลกลุ่มของบริษัท ข้อมูล นิรนาม (Anonymous Data) หรือข้อมูลแฝงที่ทำให้ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้อีกโดยวิธีการทางเทคนิค (Pseudonymous Data) เป็นต้น

1.2    “ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อน และอาจสุ่มเสี่ยงในการเลือกปฏิบัติอย่าง ไม่เป็นธรรม เช่น เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิศาสนาปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกัน ตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

1.3    “เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น แต่ไม่ใช่กรณีที่บุคคลมีความเป็นเจ้าของข้อมูล (Ownership) หรือเป็นผู้สร้างหรือเก็บรวบรวมข้อมูลนั้นเอง โดยเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนี้หมายถึง บุคคลธรรมดาเท่านั้น และไม่รวมถึงนิติบุคคล (Juridical Person) ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย เช่น บริษัท สมาคม มูลนิธิ หรือองค์กรอื่นใด 

1.4    “ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บริษัท บุคคลหรือนิติบุคคลอื่นซึ่งเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

1.5    “ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บริษัท บุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล 

1.6     “เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือคณะบุคคลซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากบริษัท ให้ มีหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

ข้อ 2.     ประเภทข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท  ผู้รับบริการ คู่ค้า ผู้ติดต่อ ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ข้อมูลลูกจ้าง ผู้สมัครงาน พนักงาน ผู้ฝึกงาน และบุคคลอื่นใดที่มีนิติสัมพันธ์กับบริษัท ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะข้อมูล ดังต่อไปนี้ 

2.1    ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป เช่น ชื่อ นามสกุล อายุ วันเดือนปีเกิด สถานภาพสมรส เลขประจำตัวประชาชน เลขหนังสือเดินทาง สัญชาติ

2.2    ข้อมูลการติดต่อ เช่น หมายเลขโทรศัพท์มือถือ หมายเลขโทรศัพท์บ้าน ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ที่อยู่ปัจจุบัน ที่อยู่อีเมล ข้อมูลในทะเบียนบ้าน ข้อมูลผู้ติดต่อในกรณีฉุกเฉิน ข้อมูลจากนามบัตร 

2.3    ข้อมูลบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ เช่น อีเมล ไลน์ไอดี เฟซบุ๊ก อินสตราแกรม และข้อมูลอื่นๆ ที่มีลักษณะเดียวกัน 

2.4    ข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารที่ออกให้โดยทางราชการ เช่น บัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง และการเข้าออกประเทศ ใบอนุญาตทำงาน ใบขับขี่ สมุดทะเบียนรถยนต์ และสิ่งที่สามารถระบุตัวตนอื่น และใบอนุญาตอื่น 

2.5    เสียง ภาพนิ่ง และ/หรือภาพเคลื่อนไหว ข้อมูลที่ได้จากกล้องวงจรปิด รวมถึงการเข้าร่วมกิจกรรมหรือแคมเปญต่าง ๆ ที่บริษัทจัดขึ้น 

2.6    ข้อมูลทางการเงิน เช่น ข้อมูลเครดิตบูโร ประวัติการชำระเงิน การกู้ยืมเงิน การลงทุน รายรับ เลขที่บัญชีธนาคาร หมายเลขบัตรเครดิต หมายเลขเลขบัตรเดบิต รายจ่าย เลขบัญชีเงินฝาก จำนวนเงินฝาก ดอกเบี้ย ประวัติทางการเงิน รายการทรัพย์สิน ข้อมูลการล้มละลาย ข้อมูลการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

2.7    ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ไว้ผ่านการทำกิจกรรมทางการตลาด การติดต่อสอบถาม การยืนยันตัวตน การสมัครสินเชื่อ การกรอกแบบฟอร์มคำขอต่าง ๆ การเข้าร่วมกิจกรรม การลงทะเบียนเข้าร่วมรายการส่งเสริมการขาย หรือแคมเปญต่าง ๆ หรือรายการอื่นในทำนองเดียวกัน 

2.8    ข้อมูลส่วนบุคคลที่ให้ไว้ผ่านการซื้อขายผลิตภัณฑ์ และให้บริการทางเว็บไซต์ของบริษัท รวมถึงการใช้สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media Handle)  และข้อมูลที่เก็บรวบรวมโดยอัตโนมัติผ่านการติดตามตรวจสอบทางระบบคอมพิวเตอร์ ได้แก่ ที่อยู่ไอพี (IP Address) เบราว์เซอร์ที่ใช้งาน หรือระบบปฏิบัติการ หน้าเว็บไซต์ที่เข้าชม เว็บไซต์ต้นทางที่ผู้เข้าชมเชื่อมโยงมาที่เว็บไซต์ เว็บไซต์ปลายทางที่ผู้เข้าชมเชื่อมโยงไปจากเว็บไซต์ของบริษัท ระยะเวลาการใช้เว็บไซต์และการเข้าชมเนื้อหาใด ๆ บนเว็บไซต์ของบริษัท รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งที่แน่นอนและข้อมูลพิกัดทางภูมิศาสตร์แบบเรียลไทม์ (Real-Time) จากอุปกรณ์เคลื่อนที่หรือคอมพิวเตอร์ และ บริการที่บอกตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ตามพื้นที่ (Location-Based Service) อาจใช้สัญญาณจีพีเอส (GPS) สัญญาณบลูทูธ (Bluetooth) จุดบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สายแบบสาธารณะ (Wi-Fi Hotspot) และตำแหน่งเสาสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Cell Tower) และเทคโนโลยีอื่น เพื่อกำหนดตำแหน่งโดยประมาณของอุปกรณ์ (ในกรณีที่สามารถกระทำทำได้)

2.9    ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามที่ท่านได้ให้ไว้แก่บริษัท เช่น ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ความสัมพันธ์กับท่าน อาชีพ สถานะการเป็นผู้บริหารระดับสูง ผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคล ผู้ได้รับมอบอำนาจของนิติบุคคล กรรมการ ผู้ถือหุ้น พนักงาน ลูกจ้าง หรือการเป็นเจ้าของหรือเจ้าของร่วม และข้อมูลส่วนบุคคลอื่นของบุคคลใด ๆ ซึ่งท่านรับรองต่อบริษัท ว่า ท่านได้รับความยินยอมจากบุคคลดังกล่าวให้เปิดเผยข้อมูลแก่บริษัท รวมถึงยินยอมให้บริษัท ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลนั้น เพื่อวัตถุประสงค์ตามที่บริษัท ได้แจ้งให้ท่านทราบ

2.10    ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว

  1. ในกรณีที่จำเป็นบริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวของท่านโดยได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน ซึ่งบริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เพียงพอ เพื่อปกป้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวของท่าน ทั้งนี้ บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวดังกล่าว เพื่อวัตถุประสงค์อื่นตามที่กฎหมายกำหนดไว้ และเพื่อใช้งานตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทแจ้งไว้ขึ้นอยู่กับประเภทกิจกรรม 
  2. หากกิจกรรมที่ท่านได้เข้าร่วมแล้วหรือจะได้เข้าร่วมในอนาคต ซึ่งอาจมีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวเพิ่มเติม เช่น ข้อมูลสุขภาพของท่าน ทั้งนี้ การจัดเก็บข้อมูลดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อการให้บริการและอำนวยความสะดวกอย่างดีที่สุดแก่ท่านเท่านั้น และในการจัดเก็บข้อมูลอ่อนไหวนี้ บริษัทจะได้ทำการขอความยินยอมของท่านไว้โดยชัดแจ้ง โดยทำเป็นเอกสารขอความยินยอมก่อนการจัดเก็บข้อมูลอ่อนไหวเหล่านั้นเสมอ 
  3. นอกจากการประมวลผลข้อมูลบางประเภทของลูกจ้างของบริษัท โดยทั่วไปบริษัทไม่มีความประสงค์จะจัดเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งจัดเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวของท่าน เช่น เชื้อชาติ ข้อมูลหมู่โลหิต หรือข้อมูลศาสนา ถึงแม้ว่าข้อมูลดังกล่าวจะปรากฏอยู่บนบัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน หรือเอกสารอื่นใดที่ท่านได้สมัครใจเปิดเผยไว้ต่อบริษัทก็ตาม ทั้งนี้ หากท่านได้ทำการส่งมอบข้อมูลใด ๆ ซึ่งปรากฏข้อมูลที่มีลักษณะเช่นว่านี้ให้แก่บริษัทไม่ว่าจะเป็นการส่งมอบข้อมูลในลักษณะเป็นเอกสาร หรือสื่ออื่นใด ท่านจะต้องปกปิดข้อมูลอ่อนไหวเหล่านี้ ด้วยตัวท่านเอง หากท่านมิได้ปกปิดข้อมูลด้วยตัวท่านเอง บริษัทถือว่าท่านได้อนุญาตโดยชัดแจ้งให้บริษัททำการปกปิดข้อมูลเหล่านี้ให้แก่ท่าน และให้ถือว่าข้อมูลที่ท่านส่งมอบมานี้ ซึ่งบริษัทได้จัดการปกปิดข้อมูลอ่อนไหวให้แก่ท่านแล้วเป็นเอกสารที่สมบูรณ์ ใช้บังคับได้ตามกฎหมายทุกประการ และให้บริษัทสามารถนำไปประมวลผลได้ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ทั้งนี้ หากเป็นกรณีที่บริษัทไม่สามารถจัดการปกปิดข้อมูลอ่อนไหวแก่ท่านได้เนื่องด้วยปัญหาเชิงเทคนิค หรือปัญหาอื่นใด บริษัทจะทำการจัดเก็บข้อมูลอ่อนไหวนี้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารยืนยันตัวตนของท่านเท่านั้น

ข้อ 3.    แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากช่องทาง ดังต่อไปนี้

3.1    ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้แก่บริษัทโดยตรง หรือให้ผ่านบริษัทในเครือ หรือมีอยู่กับบริษัททั้งที่เกิดจากการสมัครสินเชื่อ ติดต่อ เยี่ยมชม ค้นหา ไม่ว่าจะผ่านช่องทางดิจิทัล เว็บไซต์ ผู้ที่ได้รับมอบหมาย หรือช่องทางอื่นใด เช่น ​​​​

  1. การตรวจสอบตัวตนลูกค้า การลงทะเบียน การสมัครแพคเกจ สินเชื่อต่าง ๆ การลงนามในสัญญา การกรอกแบบฟอร์ม การแนบเอกสาร เพื่อประกอบการทำธุรกรรมใด ๆ กับบริษัท การยื่นข้อเรียกร้อง หรือคำร้องขอใช้สิทธิต่างๆ
  2. การติดต่อบริษัทผ่านทางช่องทางต่าง ๆ เช่น ทางโทรศัพท์ อีเมล เป็นต้น
  3. การทำแบบสำรวจความคิดเห็น แบบสอบถาม การร่วมกิจกรรม หรือแคมเปญต่าง ๆ หรือรายการอื่นใดในทำนองเดียวกัน
  4. การรักษาความปลอดภัย เช่น การแลกบัตรประจำตัวประชาชนก่อนเข้าบริเวณสถานที่ของบริษัท

3.2    ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับจากบุคคลที่สาม ลูกค้าของบริษัท ผู้ควบคุมข้อมูล ผู้ประมวลผลข้อมูล และ/หรือ บุคคลอื่นใดที่บริษัทเชื่อโดยสุจริตว่าบุคคลเหล่านั้น เป็นผู้มีสิทธิประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และมีสิทธิเปิดเผยข้อมูลให้แก่บริษัทได้

3.3    ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับ หรือเข้าถึงได้จากแหล่งอื่น ซึ่งไม่ใช่จากท่านโดยตรง เช่น หน่วยงานของรัฐ บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงิน สถาบันการเงิน ผู้ให้บริการทางการเงิน บริษัทข้อมูลเครดิต และผู้ให้บริการข้อมูล เป็นต้น ซึ่งบริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งอื่น เมื่อได้รับความยินยอมจากท่านตามที่กฎหมายกำหนด เว้นแต่บริษัทมีความจำเป็นในกรณีที่กฎหมายอนุญาต เช่น 

  1. หน่วยงานราชการ และหน่วยงานผู้กำกับดูแล เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด เป็นต้น 
  2. ข้อมูลที่เก็บรวบรวมโดยอัตโนมัติผ่านการติดตามตรวจสอบทางระบบคอมพิวเตอร์ ได้แก่ ที่อยู่ไอพี (IP Address) เบราว์เซอร์ที่ใช้งาน หรือระบบปฏิบัติการ หน้าเว็บไซต์ที่เข้าชม และเว็บไซต์ต้นทางที่ผู้เข้าชมเชื่อมโยงมาที่เว็บไซต์ และข้อมูลที่ค้นหาได้ทางอินเทอร์เน็ต หรือบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ

ข้อ 4.    วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูล

บริษัทเคารพต่อสิทธิส่วนบุคคล และจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวของท่านเท่าที่จำเป็น และภายใต้วัตถุประสงค์ที่ชอบด้วยกฎหมายในการปฏิบัติตามสัญญาระหว่างท่านกับบริษัท รวมถึงวัตถุประสงค์อื่นโดยเฉพาะที่ระบุในประกาศความเป็นส่วนตัว โดยขึ้นอยู่กับลักษณะกิจกรรม และความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับบริษัท ดังต่อไปนี้

4.1    เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการพิสูจน์ ยืนยันตัวตน วิเคราะห์และพิจารณาอนุมัติคำขอของข้าพเจ้าในการเข้า ทําสัญญา ทําธุรกรรม การขอสินเชื่อ การกู้ยืมเงิน การรับเงินกู้ การซื้อขายผ่านบริการผ่อนชำระสินค้า ทบทวนสินเชื่อ ต่ออายุสัญญา การสมัครใช้ ผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการเข้าทําสัญญาหรือทําธุรกรรมกับบริษัท บริษัทในกลุ่มธุรกิจของบริษัท บริษัทพันธมิตร คู่ค้าของบริษัท ผู้ประกอบธุรกิจบริการอื่นใดที่เกี่ยวข้อง รวมถึง ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล 

4.2    เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้บริการลูกค้า ผู้รับบริการของบริษัท เช่น การสร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ การพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (e-KYC) หรือ (KYC) และเพื่อป้องกัน และตรวจสอบการดำเนินการในลักษณะที่เป็นการฉ้อฉล การฟอกเงิน การสนับสนุนทางการเงินการก่อการร้าย หรือการกระทำอื่นใดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

4.3    เพื่อการบริหาร และป้องกันความเสี่ยง ตามเงื่อนไขและข้อกำหนดในสัญญา รวมถึงการระงับข้อพิพาทกรณีเกิดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามสัญญา เช่น การติดตาม การทวงถามหนี้ การโอนสิทธิ หน้าที่ และผลประโยชน์ใด ๆ ตามสัญญาระหว่างลูกค้ากับบริษัท รวมถึงการโอนหรือขายหนี้ การโอนเนื่องมาจากการแปลงสินทรัพย์หรือหลักทรัพย์ ซึ่งได้กระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย การรวบรวมข้อมูลฟ้องร้องต่อการไม่ปฏิบัติตามสัญญา  การเปิดประมูลสินทรัพย์เพื่อชดใช้หนี้ 

4.4    เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการปฏิบัติตามข้อผูกพันทางกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมาย 

4.5    เพื่อการรายงานข้อมูลต่อหน่วยงานราชการตามกฎหมาย เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย กรมสรรพากร หรือเมื่อได้รับหมายเรียก หมายอายัดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยงานราชการ หรือศาล

4.6    เพื่อการปฏิบัติตามกระบวนการภายในของบริษัท เช่น การรับหรือส่งเอกสารติดต่อระหว่างลูกค้ากับบริษัท การเปิดเผยให้แก่ตัวแทน ผู้รับจ้าง ผู้รับจ้างช่วง และผู้ให้บริการสำหรับการดำเนินงานใด ๆ รวมถึง การบริหารความเสี่ยง การกำกับการตรวจสอบ และการบริหารจัดการภายในองค์กร ตลอดจนการปฏิบัติตามสัญญาระหว่างบริษัทกับท่าน

4.7    เพื่อดำเนินการวางแผน การรายงาน การจัดทำสถิติ การคาดการณ์ทางธุรกิจ และการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าของบริษัท เช่น การจัดการข้อร้องเรียน การเสนอสิทธิประโยชน์โดยไม่มีวัตถุประสงค์ทางการตลาด การสืบสวน สอบสวน หรือกระบวนการทางกฎหมายอื่นใด 

4.8    เพื่อการวิเคราะห์ วิจัย ทำสถิติประเมิน ปรับปรุงพัฒนา แพลตฟอร์มผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทให้ดีขึ้น เหมาะสมกับความต้องการ และความสนใจ การสอบถาม สำรวจความคิดเห็น และประเมิณความพึงพอใจในการให้บริการ เช่น การแจ้งรางวัลที่ท่านอาจได้รับ การแจ้งผลการเข้าร่วมกิจกรรม

4.9    เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการตลาด การโฆษณา ทำการตลาดโดยตรง (Direct Marketing) การแจ้งข้อมูลข่าวสาร การนำเสนอ สิทธิประโยชน์ และรายการส่งเสริมการขายตลอดจนให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์โปรโมชั่นพิเศษ บริการเสริม และข้อเสนอพิเศษอื่น ๆ การเข้าร่วมงานกิจกรรม รวมถึงการประชาสัมพันธ์ การแจ้งเตือนต่าง ๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทที่มีอยู่ในปัจจุบัน และที่จะจัดทำขึ้นในอนาคต ของบริษัท และพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท

4.10    เพื่อการรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณสำนักงานใหญ่ หรือสถานที่ของบริษัท รวมถึงการแลกบัตรก่อนเข้าพื้นที่สำนักงาน และการบันทึกภาพผู้ที่มาติดต่อด้วยตนเองด้วยกล้องวงจรปิด (CCTV)

4.11    เพื่อนำมาใช้กำหนดรูปแบบการใช้งาน หรือความสนใจของลูกค้า และ/หรือผู้เข้าชมเว็บไซต์ และ/หรือ ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนทางเทคนิคหรือความมั่นคงปลอดภัยของเว็บไซต์ ผลิตภัณฑ์ และระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลการใช้งาน เช่น เส้นทางการเดินทางของผู้บริโภค (Customer Journey Map) จำนวนรายงาน ประเภทรายงาน ฟีเจอร์ (Feature) และฟังก์ชัน (Function) ต่าง ๆ ที่เข้าถึงโดยรหัสผู้ใช้ (User ID) อาจมีการติดตามตรวจสอบภายในผลิตภัณฑ์ เพื่อตรวจสอบการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาต เพื่อตอบคำถามจากลูกค้า เพื่อการวิจัยตลาด และเพื่อปรับปรุงรูปแบบและฟังก์ชันของผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ บริษัท จะรวมข้อมูลบริษัทหรือข้อมูลอุตสาหกรรมที่มีการเข้าถึงโดยลูกค้าทุกราย เพื่อกำหนดประเภทบริษัทและอุตสาหกรรมที่ลูกค้าประสงค์ที่จะใช้ข้อมูล เพื่อปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ต่อไป

ข้อ 5.    การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทกำหนดให้มีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างเหมาะสม และสอดคล้องกับการรักษาความลับ เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูล โดยบริษัท หรือบุคคลภายนอกที่ได้รับมอบหมายจากบริษัท อาจประมวลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้เงื่อนไขดังนี้

5.1    การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

  1. บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ไว้ในรูปแบบเอกสาร และ/หรือในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ สถานที่ที่มีการจำกัดสิทธิการเข้าถึง  เก็บไว้ใน Server / Cloud โดยใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นธรรม ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลบริษัทจะดำเนินการอย่างจำกัดเพียงเท่าที่จำเป็นแก่การให้บริการ ภายใต้วัตถุประสงค์ที่บริษัทกำหนดเท่านั้น ทั้งนี้ ก่อนการดำเนินการดังกล่าว บริษัทจะให้เจ้าของข้อมูล รับรู้ ให้ความยินยอมทางอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยข้อความสั้น หรือตามแบบวิธีการของบริษัท ทั้งนี้ หากข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมจากท่านมีความจำเป็นสำหรับการปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัท หรือเพื่อการเข้าทำสัญญากับท่าน บริษัทอาจจะไม่สามารถให้บริการ หรือดำเนินการเพื่อให้บริการบางส่วน หรือทั้งหมดแก่ท่านได้ หากท่านไม่ได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านั้นแก่บริษัทเมื่อบริษัทร้องขอ
  2. บริษัทอาจจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านซึ่งเกี่ยวกับความสนใจ และบริการที่ท่านใช้ โดยในการดำเนินการดังกล่าวข้างต้น บริษัทจะขอความยินยอมจากท่านก่อนทำการเก็บรวบรวม เว้นแต่ (ก) เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย (ข) เพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนของพนักงานสอบสวน หรือการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล (ค) เพื่อประโยชน์ในกรณีการขอความยินยอมไม่อาจกระทำได้ในเวลานั้น (ง) เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บริษัท (จ) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล (ฉ) เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น (ช) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุ เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือประโยชน์ในการศึกษา วิจัย การจัดทำสถิติ ซึ่งได้จัดให้มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม
  3. บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว เพื่อการให้บริการบางรูปแบบ เมื่อได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากท่าน หรือเมื่อท่านสมัครใจเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ หรือเมื่อเป็นกรณีที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด 
  4. ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ บริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าวโดยคำนึง ถึงการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างสูงสุดโดยมีเงื่อนไข ดังนี้ 

(ก)    ผู้เยาว์ในการประกอบธุรกิจทางการค้า หรือธุรกิจอื่น หรือในการเป็นลูกจ้างในสัญญาจ้างแรงงาน ในความเกี่ยวพันกับการประกอบธุรกิจ หรือในกิจการใดที่ผู้เยาว์สามารถกระทำได้เองหรือที่ผู้เยาว์มีฐานะเสมือนดังบุคคลซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว ทั้งนี้ ในการให้ความยินยอมใด ๆ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่มีฐานะเสมือนเป็นผู้บรรลุนิติภาวะสามารถให้ความยินยอมได้ด้วยตนเอง เว้นแต่เป็นกรณีที่มีกฎหมายกำหนดให้ความยินยอมบางอย่าง จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์ด้วย

(ข)    คนเสมือนไร้ความสามารถ หมายถึง บุคคลที่ศาลสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ เนื่องจากมีกายพิการ หรือมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ หรือประพฤติสุรุ่ยสุร่ายเสเพลเป็นอาจิณ หรือติดสุรายาเมา หรือมีเหตุอื่นใดทำนองเดียวกันนั้น จนไม่สามารถจะจัดทำการงานโดยตนเองได้ หรือจัดกิจการไปในทางที่อาจจะเสื่อมเสียแก่ทรัพย์สินของตนเองหรือครอบครัว ทั้งนี้ ในการให้ความยินยอมใด ๆ จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์ที่มีอำนาจกระทำการแทนคนเสมือนไร้ความสามารถนั้นก่อน เว้นแต่เป็นกรณีที่มีกฎหมายกำหนดให้ความยินยอมบางอย่าง ไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์ก่อน

(ค)   คนไร้ความสามารถ หมายถึง บุคคลที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ เนื่องจากเป็นบุคคลวิกลจริต ทั้งนี้ ในการให้ความยินยอมใด ๆ จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้อนุบาลที่มีอำนาจกระทำการแทนคนไร้ความสามารถนั้นก่อน

5.2    การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

  1. บริษัทจะใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้ไว้กับบริษัทเท่านั้นโดยในกรณีใด ๆ ที่บริษัทต้องการเก็บรวมรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติมหรือมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย บริษัทจะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบก่อนที่จะดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคลนั้น เว้นแต่เป็นกรณีที่กฎหมายกำหนดหรืออนุญาตให้ดำเนินการได้
  2. บริษัทจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม และจัดให้มีการรักษาความมั่นคงปลอดภัยและมีการควบคุมการเข้าถึง ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยบริษัทจะกำกับดูแลพนักงาน เจ้าหน้าที่หรือผู้ปฏิบัติงานของบริษัทมิให้ใช้และเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลหรือเปิดเผยต่อบุคคลภายนอก เว้นแต่ (ก) เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ประมวลกฎหมายแพ่งและอาญา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและอาญา ฯลฯ (ข) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนของพนักงานสอบสวน หรือการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล (ค)เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ของท่าน และการขอความยินยอมไม่อาจกระทำได้ในเวลานั้น (ง) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บริษัท (จ) เป็นการจำเป็นเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล (ฉ) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น (ช) เป็นการจำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุ เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือเพื่อการศึกษา วิจัย การจัดทำสถิติ ซึ่งได้จัดให้มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม    
  3. บริษัทอาจใช้บริการสารสนเทศของผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลภายนอก เพื่อให้ดำเนินการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งผู้ให้บริการนั้นจะต้องมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย โดยห้ามดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนอกเหนือจากที่บริษัทกำหนด

5.3    การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับท่านที่บริษัทจัดเก็บในปัจจุบัน และที่จะได้จัดเก็บในอนาคต ให้แก่พันธมิตร คู่ค้า บุคคล หรือนิติบุคคลอื่นภายในขอบเขตตาม ตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้แจ้งให้ท่านทราบ ทั้งนี้ บริษัทจะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการปกป้องข้อมูลของท่านอย่างเหมาะสม และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบ  ซึ่งบริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบุคคล หรือองค์กร ดังต่อไปนี้ ​​​​​​

  1. บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลให้กับผู้รับข้อมูล เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของบริษัท เช่น สถาบันการเงิน ธนาคาร ผู้ให้บริการบัตรเครดิต และบริษัทประกันภัย บริษัทข้อมูลเครดิต บริษัทในกลุ่มบริษัท ลิซอิท จำกัด (มหาชน) บริษัทในเครือ บุคคลที่บริษัทเข้าประมูลงานหรือเสนอขายสินค้าหรือให้บริการ รวมทั้งบุคคลภายนอกที่บริษัทได้รับความยินยอมจากท่าน และบุคคลภายนอกอื่น ๆ ซึ่งมีความจำเป็นอย่างสมเหตุสมผลที่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เช่น ผู้ตรวจสอบบัญชี ทนายความ และที่ปรึกษาด้านต่าง ๆ ลูกจ้างผู้ให้บริการและผู้รับจ้างงานสนับสนุน ช่วยเหลือ ที่มีหน้าที่ในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในนามของบริษัท โดยบริษัทจะกำหนดเงื่อนไขตามสัญญาให้ผู้รับข้อมูลดังกล่าวใช้ข้อมูลตามวัตถุประสงค์สำหรับการเปิดเผยเท่านั้น และผู้รับข้อมูลจะต้องทำลายหรือส่งข้อมูลดังกล่าวคืนเมื่อไม่มีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลดังกล่าวอีกต่อไป 
  2. ในกรณีที่บริษัทถูกซื้อกิจการ หรือขายกิจการบางส่วน หรือทั้งหมด ข้อมูลที่บริษัทเก็บรวบรวมไว้จะถือเป็นสินทรัพย์ที่สามารถโอนให้แก่ผู้ซื้อกิจการได้ รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องในกรณีการขายสิทธิเรียกร้อง และ/หรือทรัพย์สิน การปรับโครงสร้างองค์กร หรือการควบรวมกิจการของบริษัท ซึ่งบริษัทอาจต้องมีการโอนสิทธิไปยังกิจการดังกล่าว ตลอดจนบุคคลต่าง ๆ ที่บริษัทจำเป็นต้องแบ่งปันข้อมูล เพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว
  3. บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลให้กับหน่วยงานราชการรวมถึงหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจในการขอข้อมูลส่วนบุคคล เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศาล สำนักงานอัยการ พนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอำนาจในการขอข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ตามคำสั่งศาล หมายศาล กระบวนการบังคับใช้กฎหมาย การไต่สวนโดยหน่วยงานกำกับดูแล หรือกรณีอื่นตามที่กฎหมายกำหนด และในกรณีที่มีการร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย คำสั่ง แนวทาง หรือการร้องขอใดๆ จากหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจตามกฎหมาย หรือเป็นการร้องขอจากหน่วยงานที่มีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย รวมถึงในกรณีที่มีความจำเป็นตามสมควรในการบังคับใช้ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้ของ โดยในการดำเนินการตามคำร้องขอดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการ(ก) เพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ ประโยชน์สาธารณะ หรือการบังคับใช้กฎหมาย หรือ (ข) ตามกฎหมาย กฎระเบียบของทางราชการ หรือคำพิพากษาคดีที่กำหนดหน้าที่หรือการอนุญาตไว้โดยชัดแจ้ง
  4. บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลภายนอกที่บริษัทให้บริการหรือในนามของบริษัท รวมถึงการปฏิบัติตามคำขอของท่าน การประมวลผลการชำระเงิน การวิเคราะห์ข้อมูล การจัดโปรโมชั่น การแข่งขัน การทำวิจัยและวิเคราะห์ทางการตลาด หรือการสำรวจความพึงพอใจของท่าน และวัตถุประสงค์อื่นๆ ตามที่ระบุในนโยบายฉบับนี้ รวมถึง อาจเปิดเผยข้อมูลแก่บุคคล และนิติบุคคลอื่นที่ไม่ได้เป็นบริษัทในกลุ่ม เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และเพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจ และให้บริการท่าน รวมถึงดำเนินการใด ๆ ตามวัตถุประสงค์การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบุไว้ในนโยบายฉบับนี้ได้ 
  5. พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท (Business Partners) ที่นำข้อมูลของบริษัท ไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของการให้บริการผู้ให้บริการทางด้านเทคโนโลยี ผู้ให้บริการจัดทำโปรแกรมและระบบไอทีต่าง ๆ รวมถึง ผู้ให้บริการด้านสื่อสังคมออนไลน์ (ในรูปแบบที่ปลอดภัย) หรือบริษัทโฆษณาภายนอก เพื่อแสดงข้อความให้แก่ท่าน และบุคคลอื่นใดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และบริการของบริษัท โดยบริษัทโฆษณาภายนอกอาจใช้ข้อมูลประวัติกิจกรรมออนไลน์ของท่าน เพื่อจัดสรรการโฆษณาที่ท่านอาจสนใจ
  6. หน่วยงานที่ใช้บริการของบริษัท หรือบุคคลที่สามที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ขอให้บริษัทเปิดเผยข้อมูล ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งมีความจำเป็นจะต้องเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในกรณีที่บุคคลที่สามทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งของบริษัทตามที่กำหนดในข้อตกลงระหว่าง ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล และผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ตามสัญญาประมวลผลข้อมูล 

ข้อ 6.    หลักกฎหมายที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูล

บริษัทจะประมวลผลข้อมูลโดยอาจอาศัยหรืออ้าง (1) ฐานความยินยอม เพื่อประมวลผลข้อมูลของท่าน (2) ฐานการปฏิบัติตามสัญญา สำหรับการเริ่มต้นทำสัญญา หรือการเข้าทำสัญญา หรือการปฏิบัติตามสัญญากับท่าน (3) ฐานการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท (4) ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทและของบุคคลภายนอก (5) ฐานการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล และ/หรือ (6) ฐานประโยชน์สาธารณะสำหรับการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐ หรือฐานทางกฎหมายอื่น ๆ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด แล้วแต่กรณี โดยบริษัทจะประมวลผลข้อมูลของท่านแยกตามกิจกรรมที่บริษัทดำเนินการภายใต้ฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้

6.1    ฐานความยินยอม (Consent) : บริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ซึ่งท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัท โดยบริษัทได้แจ้งรายละเอียดการประมวลผลข้อมูลของท่านแล้วตามที่ระบุไว้ในนโยบายฉบับนี้ หรือประกาศ     ความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) รวมถึงข้อกำหนดและเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับบริการแต่ละรายการ เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการตลาด การโฆษณา ทำการตลาดโดยตรง (Direct Marketing) การแจ้งข้อมูลข่าวสาร การนำเสนอ สิทธิประโยชน์ และรายการส่งเสริมการขายตลอดจนให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ โปรโมชั่นพิเศษ บริการเสริม และข้อเสนอพิเศษอื่น ๆ รวมถึงการประชาสัมพันธ์ การแจ้งเตือนต่าง ๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท ที่มีอยู่ในปัจจุบัน และที่จะจัดทำขึ้นในอนาคต 

6.2    ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation) : บริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย และเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฎหมายภาษีอากร กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กฎหมายคอมพิวเตอร์ กฎหมายล้มละลาย และกฎหมายอื่นๆ ที่บริษัทจำเป็นต้องปฏิบัติตามทั้งของในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยบริษัทอาจนำส่งข้อมูลให้แก่ผู้มีอำนาจตามกฎหมาย พนักงานเจ้าหน้าที่ หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแล และ/หรือหน่วยงานรัฐที่มีอำนาจตามกฎหมายในการเรียกข้อมูลที่บริษัทครอบครองอยู่ได้ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย กรมสรรพากร สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการ ศาล เป็นต้น

6.3    ฐานจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายโดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล (Legitimate Interest) : บริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ซึ่งได้แจ้งให้ท่านทราบรายละเอียดการประมวลผลข้อมูลของท่านแล้วตามที่ระบุไว้ในนโยบายฉบับนี้ ประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) โดยบริษัทอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้เพื่อการให้บริการ เพื่อประโยชน์แก่ท่านเอง และการวิเคราะห์ข้อมูลการบริการในภาพรวม การจัดทำรายงานเพื่อประชุมในหน่วยงาน รวมถึงนำเสนอคณะผู้บริหารการวิจัย หรือการจัดทำสถิติซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการดำเนินงานของบริษัท การปรับปรุงคุณภาพของการให้บริการ การจัดทำข่าวสารประชาสัมพันธ์        การใช้คุกกี้ที่จำเป็นต่อการเข้าชมเว็บไซต์ การบันทึกเสียงทาง Call Center  ภาพถ่าย/ภาพเคลื่อนไหว  การบันทึกภาพ CCTV การแลกบัตรก่อนเข้าอาคาร การจัดการข้อร้องเรียน การประเมินความพึงพอใจ การบริหารความเสี่ยง การกำกับตรวจสอบ การบริหารจัดการภายในองค์กร การป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดการกระทำการทุจริต ภัยคุกคามทางไซเบอร์ การติดต่อ การบันทึกภาพ การบันทึกเสียงเกี่ยวกับการจัดประชุม อบรม สันทนาการ การชิงโชค  การลงทะเบียน เป็นต้น

6.4    ฐานสัญญา (Contract) : บริษัทดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อการให้บริการ หรือการปฏิบัติตามหน้าที่และเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา หรือที่บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อให้การทำสัญญาระหว่างท่านกับบริษัท หรือระหว่างท่านกับคู่ค้าของบริษัทบรรลุวัตถุประสงค์ของการปฏิบัติตามสัญญา และเพื่อการให้บริการตามคำขอ ตอบข้อซักถาม ยืนยันตัวตนในการใช้บริการโดยหากท่านไม่ตกลงให้ข้อมูลส่วนบุคคล จะส่งผลให้การทำสัญญา หรือนิติกรรมต่าง ๆ ที่ทำขึ้นระหว่างท่านกับบริษัทไม่มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย

ข้อ 7.    สิทธิในการได้รับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

7.1    บริษัท เคารพสิทธิส่วนบุคคลของท่าน และเปิดโอกาสให้ท่านสามารถเลือกวิธีการควบคุม หรือวิธีการที่บริษัทใช้ติดต่อท่าน โดยบริษัทจะปฏิบัติตามที่ท่านได้ร้องขอ เพื่อช่วยให้เกิดความโปร่งใส และเพื่อคุณภาพของข้อมูล และความถูกต้องของข้อมูล รวมถึงเพื่อเป็นการปฏิบัติตามสัญญา หรือกฎหมาย โดยการที่ท่านไม่ให้ความยินยอมในการประมวลผลข้อมูล อาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาได้อย่างถูกต้อง และ/หรือ อาจทำให้มีข้อขัดข้อง ไม่สมบูรณ์ ในการปฏิบัติหน้าที่ตาม ข้อตกลง เงื่อนไขในสัญญา ระหว่างบริษัทกับท่านได้

7.2    ท่านมีสิทธิตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดไว้ในการดำเนินการ ดังต่อไปนี้

  1. สิทธิขอถอนความยินยอม: หากท่านได้ให้ความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน        (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น)  ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท ทั้งนี้ บริษัทขอแจ้งให้ท่านทราบว่า การเพิกถอนความยินยอมไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้แล้วโดยชอบ เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมาย หรือโดยสภาพ      ไม่สามารถถอนความยินยอมได้ หรือมีสัญญาระหว่างท่านกับบริษัทที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ หรืออาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางส่วนหรือทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในเอกสารฉบับนี้ได้
    ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของท่านอาจส่งผลกระทบต่อท่าน จากการใช้บริการต่าง ๆ เช่น ท่านจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ โปรโมชั่น หรือข้อเสนอใหม่ ๆ ไม่ได้รับบริการที่สอดคล้องกับความต้องการของท่าน หรือไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารอันเป็นประโยชน์แก่ท่าน เป็นต้น เพื่อประโยชน์ของท่าน จึงควรศึกษาและสอบถามถึงผลกระทบก่อนใช้สิทธิขอถอนความยินยอม
  2. สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยว่าบริษัทได้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาได้อย่างไร เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่านตามกฎหมาย หรือคำสั่งของศาล หรือกรณีที่คำขอของท่านจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
  3. สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอให้โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยัง ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค
    ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านข้างต้นต้องเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัท หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจำเป็นต้องประมวลผล เพื่อให้ท่านสามารถใช้บริการของบริษัทได้ตามความประสงค์ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาอยู่กับบริษัท หรือลูกค้าของบริษัท หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนใช้บริการ หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอื่นตามที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายกำหนด
  4. สิทธิขอคัดค้าน: ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในเวลาใดก็ได้ หากการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านทำขึ้นเพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นโดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล หรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์ หากท่านยื่นคัดค้าน บริษัทจะยังคงดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไป เฉพาะที่บริษัทสามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน หรือเป็นไปเพื่อการยืนยันสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการต่อสู้ในการฟ้องร้องตามกฎหมาย ตามแต่ละกรณี
    นอกจากนี้ ท่านยังมีสิทธิขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้น เพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาด หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ
  5. สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกประมวลผลโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในประกาศฉบับนี้ หรือเมื่อบริษัทเห็นว่าสามารถปฏิบัติตามที่ท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว
  6. สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล หรือขอคัดค้านของท่าน หรือกรณีอื่นใด ที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ท่านขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลแทน
  7. สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ทั้งนี้ หากท่านประสงค์จะขอแก้ไขข้อมูลเกี่ยวกับภาพ บริษัทจะทำการแก้ไขเฉพาะรายการข้อมูลที่เกี่ยวกับภาพของท่านเพื่อให้ถูกต้อง ตามความจำเป็นของบริษัทที่ชอบด้วยกฎหมายและในกรณีที่การดำเนินการตามคำขอก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายบริษัทอาจเรียกเก็บค่าใช้จ่ายดังกล่าวจากท่าน 
    ทั้งนี้ หากท่านเห็นว่า ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่ถูกต้องตามที่เป็นจริง ท่านสามารถแจ้งบริษัทเพื่อให้แก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคล และ/หรือข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวนั้นได้ โดยในกรณีบริษัทมีเหตุให้ปฏิเสธคำร้องขอของท่าน บริษัทจะจัดทำบันทึกการปฏิเสธคำขอ พร้อมด้วยเหตุผลไว้เป็นหลักฐานด้วย
  8. สิทธิร้องเรียน: ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

7.3    การร้องขอใด ๆ เพื่อการใช้สิทธิของท่านตามที่ได้กล่าวข้างต้น จะต้องกระทำเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งบริษัทได้จัดให้มีขึ้นในเว็บไซต์ https://concura.leaseit.co.th/public/verifyEmail หรือส่งคำร้องขอได้ที่อีเมล dpo@leaseit.co.th ตามขั้นตอนของบริษัท โดยบริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดที่จะดำเนินการภายในระยะเวลาที่สมเหตุสมผล และไม่เกินระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ดี บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่าน ในกรณีที่มีข้อยกเว้นตามกฎหมาย หรือบริษัทจะไม่สามารถปฎิบัติหน้าที่ตามสัญญาได้ หรือมีผลกระทบกับการปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญา  และ/หรือไม่สามารถจัดสรรสิทธิประโยชน์และสวัสดิการบางประเภท เพื่อประโยชน์ของท่าน หรือเป็นการปฏิเสธตามคำสั่งศาล หรือหากบริษัทดำเนินการตามคำขอของท่านจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น โดยบริษัทจะดำเนินการบันทึกคำร้องขอ ตรวจสอบ และตอบกลับคำร้องขอของท่าน ภายในระยะเวลาอันสมควร ทั้งนี้ บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดำเนินการตามที่ท่านร้องขอในอัตราที่บริษัทกำหนด

7.4    ในบางสถานการณ์บริษัทอาจขอให้ท่านพิสูจน์ตัวตนของท่านก่อนการใช้สิทธิเพื่อความปลอดภัยของท่านเอง โดยบางครั้งอาจเกิดข้อจำกัดในการขอใช้สิทธิของท่านบางประการ ซึ่งบริษัทจะทำการชี้แจงให้ท่านทราบหากไม่สามารถปฏิบัติตามคำร้องขอใช้สิทธิของท่านได้

7.5    หากเป็นกรณีกิจกรรมที่บริษัททำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามฐานการปฏิบัติตามสัญญา หรือฐานเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย หรือฐานการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย บริษัทมีสิทธิปฏิเสธการใช้สิทธิของท่านในกรณีที่ท่านใช้สิทธิโต้แย้ง หรือขอระงับการใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน และขอให้ดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่านได้ รวมถึง บริษัทอาจปฏิเสธที่จะดำเนินการตามคำร้องขอของท่าน หากบริษัท มีความจำเป็นที่จะต้องเก็บข้อมูลต่อไป เพื่อการกระทำการ ดังต่อไปนี้

  1. เพื่อทำรายการใด ๆ ตามวัตถุประสงค์ที่บริษัท เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น เพื่อการจัดหาสินค้าหรือบริการตามที่ท่านร้องขอ หรือดำเนินการตามสมควรภายในขอบเขตความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างบริษัทกับท่าน หรือเพื่อปฏิบัติตามสัญญาระหว่างบริษัทกับท่าน
  2. เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ป้องกันการกลั่นแกล้ง การฉ้อฉล การฉ้อโกง หรือการกระทำผิดกฎหมาย หรือฟ้องร้องดำเนินคดีกับบุคคลที่ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว
  3. เพื่อตรวจสอบการทำงานของบริการ และแก้ไขข้อผิดพลาดที่ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ
  4. เพื่อทำการศึกษาวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์ เชิงประวัติ หรือเชิงสถิติโดยทั่วไป หรือโดยผู้ชำนาญการ เพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยคำนึงถึงจรรยาบรรณและกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เมื่อการลบข้อมูลนั้นจะทำให้ไม่สามารถบรรลุหรือขัดขวางการบรรลุผลสำเร็จในการศึกษาวิจัยอย่างมีนัยสำคัญ 
  5. เพื่อใช้เป็นการภายในตามสมควรโดยสอดคล้องกับความคาดหมายของท่านที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับบริษัท และสอดคล้องกับบริบทที่ท่านได้ให้ข้อมูลดังกล่าวไว้แต่แรก และ
  6. เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ข้อบังคับ กฎ หรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง 

ข้อ 8.    ระยะเวลาในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

8.1    บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่มีความจำเป็น เพื่อวัตถุประสงค์ของการประมวลผล ตามที่ระบุในนโยบายฉบับนี้ แบ่งได้ดังนี้

  1. กรณีที่ท่านให้ข้อมูลแก่บริษัทในฐานะที่ท่านเป็นลูกค้า คู่สัญญา บริษัทจะเก็บข้อมูลท่านไว้ตราบเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บริการแก่ท่านตามระยะเวลาในสัญญา และจะเก็บต่อไปอีก 10 (สิบ) ปี นับถัดจากปีที่สิ้นสุดสัญญาหรือสิ้นสุดความสัมพันธ์กับท่าน เว้นแต่ บริษัทอาจเก็บข้อมูลดังกล่าวไว้นานกว่าระยะเวลาที่กำหนดได้หากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นต่อการใช้งาน หรือประมวลผล หรือเมื่อจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน หรือหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจผู้เกี่ยวข้อง
  2. บริษัทจะเก็บข้อมูลท่านไว้ตามประเภทกิจกรรม และวัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังที่ระบุใน ประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) 
  3. กรณีที่บริษัท ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยขอความยินยอมจากท่าน บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจนกว่าท่านจะแจ้งขอยกเลิกความยินยอม และบริษัทดำเนินการตามคำขอของท่านเสร็จสิ้นแล้ว 
  4. กรณีอื่น ๆ บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตราบเท่าที่จำเป็นตามสมควรเพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ของบริษัทเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในนโยบายนี้ กรณีที่ไม่สามารถกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวม (เช่น อายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี)  ทั้งนี้ หากมีการดำเนินการทางศาล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกจัดเก็บไว้จนกว่าจะสิ้นสุดการดำเนินการดังกล่าว รวมถึงระยะเวลาใด ๆ ในการดำเนินการที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ จากนั้นข้อมูลของท่านจะถูกลบหรือเก็บตามที่กฎหมายอนุญาต

8.2    เมื่อพ้นระยะเวลาที่กำหนดแล้ว บริษัทจะดำเนินการลบ ทำลาย ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ หรือดำเนินการอื่นใดตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด เพื่อให้การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลบางอย่างไว้นานกว่าที่ระบุข้างต้น หากจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน หรือหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจผู้เกี่ยวข้อง และเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจหรือโดยชอบตามกฎหมาย

ข้อ 9.    การใช้คุกกี้

9.1    คุกกี้ (Cookies) หมายถึง ข้อมูลขนาดเล็กที่เว็บไซต์ส่งไปเก็บไว้กับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่เข้าชมเว็บไซต์ เพื่อช่วยให้เว็บไซต์จดจำข้อมูลเข้าชมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ภาษาที่เลือกใช้เป็นอันดับแรก ผู้ใช้ของระบบ หรือการตั้งค่าอื่น ๆ เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเข้าชมเว็บไซต์ในครั้งถัดไป เว็บไซต์จะจดจำได้ว่าเป็นผู้ใช้ที่เคยเข้าใช้บริการแล้ว และตั้งค่าตามที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด จนกว่าเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจะลบคุกกี้ หรือไม่อนุญาตให้คุกกี้นั้นทำงานอีกต่อไป 

9.2    บริษัทใช้คุกกี้เพื่อเก็บข้อมูลการล็อกอิน (Login) ล็อกเอาท์ (Logout) หรือข้อมูลอื่นในคอมพิวเตอร์ของท่าน เมื่อท่านเข้าชมเว็บไซต์ เพื่อปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ของบริษัทการตลาด และเนื้อหาในเว็บไซต์ของบริษัท และเพื่อให้บริการต่าง ๆ ของบริษัท เป็นไปตามความพึงพอใจและความสนใจของท่าน คุกกี้ทำให้บริษัท สามารถวิเคราะห์กิจกรรมต่าง ๆ เกี่ยวกับเว็บไซต์ของบริษัทได้ อาทิ วันที่ เวลา และหน้าเว็บไซต์ที่เข้าชม ตลอดจนเว็บไซต์ต้นทางที่ท่าน หรือผู้เข้าชมรายใหม่เชื่อมโยงมาที่เว็บไซต์ ป้องกันและตรวจจับการดำเนินการที่ต้องห้ามหรือไม่ได้รับอนุญาต สำหรับบริการบางประเภท บริษัทเสนอทางเลือกให้ท่านในการเก็บข้อมูลรหัสผู้ใช้หรือรหัสผ่านไว้ในคุกกี้ได้โดยที่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องใส่ข้อมูลดังกล่าวอีกเมื่อกลับมายังเว็บไซต์ของบริษัท ในภายหลัง บริษัทอาจใช้แฟลชคุกกี้ (Flash Cookie) เพื่อแสดงเนื้อหาตามสิ่งที่ท่านดูบนเว็บไซต์ของบริษัทเพื่อกำหนดลักษณะเฉพาะตัวในการเข้าใช้งาน

เมื่อท่านเลือกบริการใด ๆ ของบริษัท ลงทะเบียนรับข่าวสารหรือการแจ้งทางอีเมล กรอกข้อมูลแบบฟอร์มออนไลน์ หรือกรอกแบบสอบถาม บริษัทอาจพยายามระบุเบราว์เซอร์ของท่าน และนำข้อมูลจากคุกกี้ และข้อมูลอื่นที่เก็บรวบรวมออนไลน์ไปใช้ร่วมกับข้อมูลอื่นที่อยู่ในความครอบครองของบริษัท

9.3    เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถตั้งค่าความเป็นส่วนตัว โดยเลือกที่จะยอมรับหรือไม่รับคุกกี้ก็ได้ ทั้งนี้ กรณีท่านเลือกที่จะไม่ยอมรับหรือลบคุกกี้เว็บไซต์อาจจะไม่สามารถให้บริการหรือไม่สามารถแสดงผลได้อย่างถูกต้องได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจส่งผลให้การเข้าถึงและการใช้งานบางฟังก์ชันช้าลง หรือมีความสะดวกลดลง

ข้อ 10.    การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ

10.1    บริษัทอาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบริษัทในเครือ หรือบุคคลอื่นในต่างประเทศในกรณีที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา หรือเป็นการกระทำตามสัญญาระหว่างบริษัท กับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ของท่านหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญา หรือเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเป็นการจำเป็นเพื่อดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ 

10.2    บริษัทอาจเก็บข้อมูลของท่านบนคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ หรือคลาวด์ที่ให้บริการโดยบุคคลอื่น และอาจใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันของบุคคลอื่นในรูปแบบของการให้บริการซอฟท์แวร์สำเร็จรูปและรูปแบบของการให้บริการแพลตฟอร์มสำเร็จรูปในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน แต่บริษัท จะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ และจะกำหนดให้บุคคลอื่นเหล่านั้นต้องมีมาตรการคุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม 

10.3    ในกรณีที่มีการส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ บริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการคุ้มครองและท่านสามารถใช้สิทธิที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามกฎหมาย รวมถึงบริษัท จะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการปกป้องข้อมูลของท่านอย่างเหมาะสมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบ 

ข้อ 11.    การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล​​​​​​​

บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านบริษัทจึงกำหนด   ให้มีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ แปลง แก้ไขหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีสิทธิหรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตลอดจนการป้องกันมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยมิได้รับอนุญาตซึ่งบริษัทกำหนดสิทธิในการเข้าถึง หรือการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อรักษาความลับและความปลอดภัยของข้อมูล ดังนี้ 

11.1    บริษัทจะใช้มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลทางเทคนิค ทางกายภาพ และทางธุรการที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการเข้าถึงและเปิดเผยข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต และสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท และมาตรฐาน  ที่รับรองโดยทั่วไป บริษัทกำหนดให้ลูกจ้างของบริษัท เข้ารับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล นอกจากนี้ บริษัทยังมีมาตราการตรวจสอบให้แน่ใจว่า คู่ค้าของบริษัท มีการใช้มาตรการในการ ประมวลผล โอนย้าย จัดการ และรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลอย่างเพียงพอในการให้บริการ      ในนามของบริษัท อีกทั้งบริษัทจะมีการสอบทานและปรับปรุงมาตรการดังกล่าวตามความจำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าการประมวลผลข้อมูลดังกล่าวเป็นไปตามมาตรฐานต่าง ๆ และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง

11.2    บริษัทจะกำหนดนโยบาย ระเบียบ แนวปฏิบัติ และขั้นตอนวิธีการต่าง ๆ เพื่อการจัดการข้อมูลอย่างปลอดภัย และป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตดังนี้

  1. กำหนดนโยบายและขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ชัดเจน เพื่อการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และเพื่อจัดการข้อมูลให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดอย่างปลอดภัย 
  2. ไม่จำหน่ายหรือขายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่ว่ากรณีใด และจะไม่โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท 
  3. จำกัดสิทธิลูกจ้างของบริษัท ในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
  4. ป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจัดให้มีการเข้ารหัสข้อมูล การตรวจสอบตัวตนและเทคโนโลยีการตรวจจับไวรัส ตามความจำเป็น
  5. ตรวจสอบสถานะ คู่ค้าของบริษัท กำหนดให้คู่ค้าที่ทำธุรกิจกับบริษัท ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ตามกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและกำหนดข้อจำกัดการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้แน่ใจว่ามีการใช้มาตรการในการประมวลผล โอนย้าย จัดการ และรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลอย่างเพียงพอ 
  6. ติดตามตรวจสอบเว็บไซต์ของบริษัท ผ่านหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความมั่นคงปลอดภัย
  7. จัดให้มีการฝึกอบรมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแก่ลูกจ้าง พนักงาน คณะทำงานของบริษัท 
  8. ประเมินผลแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การจัดการข้อมูล และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลของบริษัท อย่างสม่ำเสมอ
  9. จัดให้มีระบบการตรวจสอบ เพื่อดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษา หรือที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
  10. จัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลทางเทคนิค ทางกายภาพ และทางธุรการที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการเข้าถึง และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้ที่ไม่มีสิทธิ หรือหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง หรือไม่ได้รับอนุญาต และไม่สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท และมาตรฐานที่รับรองโดยทั่วไป รวมถึงทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยเมื่อมีความจำเป็น หรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม 

ข้อ 12.    ​​​​​​​การเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ บริการของบุคคลภายนอก

เว็บไซต์ของบริษัทอาจมีลิงค์เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ของบุคคลภายนอกซึ่งบุคคลภายนอกเหล่านั้นอาจเก็บรวบรวมข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับการใช้บริการ และข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทไม่สามารถรับผิดชอบในความปลอดภัยหรือความเป็นส่วนตัวของข้อมูลใด ๆ ที่เก็บรวบรวมโดยเว็บไซต์ ของบุคคลภายนอกดังกล่าว เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลควรใช้ความระมัดระวังและตรวจสอบนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์ ของบุคคลภายนอกเหล่านั้นให้ละเอียดก่อนการใช้บริการ 

ข้อ 13.    ​​​​​​​การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์เดิม

บริษัทมีสิทธิในการเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้เก็บรวบรวมไว้ก่อนวันที่ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์เดิม หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้บริษัท เก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต่อไปท่านสามารถแจ้งบริษัท เพื่อขอถอนความยินยอมของท่านเมื่อใดก็ได้ ผ่านช่องทางที่บริษัทกำหนด

ข้อ 14.    ​​​​​​​ช่องทางการติดต่อบริษัท

หากท่านเห็นว่าการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ท่านมีสิทธิที่จะร้องเรียนไปยังเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ที่อยู่ : 1023 อาคารเอ็ม เอส สยาม ทาวเวอร์ ชั้น 29 ถนนพระราม 3 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร 10120
อีเมล : dpo@leaseit.co.th
หมายเลขโทรศัพท์ : 02-163-4260

ข้อ 15.    ​​​​​​​การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบาย 

บริษัทอาจปรับปรุงเปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขเพิ่มเติมนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด โดยบริษัทจะประกาศแจ้งการเปลี่ยนแปลงให้ท่านทราบผ่านช่องทางที่เว็บไซต์ และ/หรือแพลตฟอร์มที่บริษัทจัดให้มีขึ้น ดังนั้น เพื่อความเหมาะสม และมีประสิทธิภาพในการให้บริการ บริษัทจึงขอแนะนำให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอ่านนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทุกครั้งที่เยี่ยมชม หรือใช้บริการจากบริษัท

ประกาศเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567